วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

งานครั้งที่ 3 : ความสนใจ




กุ้งก้ามกราม




กุ้งก้ามกราม เป็นกุ้งนำ้จืดชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ Palaemonidae มีเปลือกสีเขียวอมฟ้าหรือม่วง ก้ามยาวมีม่วงเข้ม ตลอดทั้งก้ามมีปุ่มตะปุ่มตะป่ำ โดยธรรมชาติจะอยู่ในแม่น้ำ ลำคลอง แทบทุกจังหวัดในภาคกลางและภาคใต้ ทั้งในน้ำจืดและน้ำกร่อย วางไข่ในน้ำกร่อยที่เค็มจัด อาหารได้แก่ ไส้เดือน ตัวอ่อนของลูกน้ำ ลูกไร ลูกปลาขนาดเล็ก ซากของสัตว์ต่างๆ และในบางโอกาสก็กินพวกเดียวกันเอง พบชุกชุมทำให้จับง่าย โดยเฉพาะในฤดูหนาว ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน ทำให้ปริมาณในธรรมชาติลดน้อยลง ปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายในจังหวัดต่าง ๆ แถบภาคกลางของประเทศไทย เช่นสุพรรณบุรี, นครปฐม, ฉะเทริงเทรา และต่างประเทศด้วย เช่น ที่ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น
กุ้งก้ามกราม มีความยาวประมาณ 13 เซนติเมตร พบใหญ่สุดถึง 1 ฟุต น้ำหนักราว 1 กิโลกรัมเป็นกุ้งที่ถูกใช้ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้มยำ, เผา หรือ ทอด เป็นต้น เพราะเนื้อมีมาก เนื้อแน่น มัน อร่อย ทำให้มีราคาที่ขายสูง ปัจจุบัน ยังนิยมเลี้ยงเป็นสัตว์น้ำสวยงามด้วย
กุ้งก้ามกราม มีชื่อเรียกที่ต่างออกไปมากมาย เช่น "กุ้งแม่น้ำ", "กุ้งหลวง" ขณะที่กุ้งตัวเมียที่มีขนาดลำตัวเล็กกว่า เรียก "กุ้งนาง"
การเตรียมพันธุ์กุ้งก้ามกราม

        กุ้งก้ามกรามที่นำมาเลี้ยงเป็นกุ้งก้ามกรามที่เลี้ยงในบ่อดินทั่วไป คัดกุ้งก้ามกรามเพศผู้ที่มีขนาด 50-60 กรัมขึ้นไปมาเลี้ยงภายในโรงเรือนที่มีภาชนะแบบแยกเลี้ยงเดี่ยว ก่อนน้ำมาเลี้ยงควรตรวจสอบประวัติการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามบ่อดินนั้น ๆ ก่อนว่า มีการเลี้ยงถูกวิธีให้อาหารมีคุณภาพไม่มีการตายก่อนจับ เป็นต้น


        วิธีการเลี้ยงและการให้อาหาร


        ขนาดกุ้งก้ามกรามที่เริ่มต้นเลี้ยงแบบแยกเดี่ยว ควรมีขนาด 50-60 กรัมขึ้นไป ปล่อยเลี้ยงภาชนะละ 1 ตัว ให้อาหารเม็ดวันละ 2 ครั้ง เวลา 09.00 น. และ เวลา 20.00 น. ให้ประมาณ 1-2 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว ตรวจเช็คอาหารที่กุ้งก้ามกรามกินเหลือทุกครั้งก่อนให้ครั้งต่อไป ถ้ามีอาหารเหลือไม่ต้องให้อาหารเพิ่ม เปิดระบายน้ำจากภาชนะที่ใช้เลี้ยงกุ้งก้ามก้าม เพื่อระบายของเสียออกทุก ๆ 3-4 วัน เลี้ยงนาน 4-6 เดือน ได้น้ำหนักกุ้ง 200-250 กรัม/ตัว

      เลี้ยงนาน 4-6 เดือน ได้กุ้ง 4 ตัวต่อกิโลกรัม ท่านคิดถึงอะไรอยู่ แต่ถ้าถามผมนี่เลย “ต้มยำกุ้ง” อาหารยอดฮิตของคนไทย ดีนะครับ ที่ผมไม่เลี้ยงเอง ถ้าเลี้ยงเองสงสัยผมคงเป็นจาพนมไปแล้ว  กุ้งก้ามกรามกลายเป็นต้มยำกุ้งหมด อดขายกันพอดี  การเลี้ยงกุ้งคอนโดฯ นับว่าน่าสนใจมากเลย อาจจะอาจจะใช้เงินทุนบ้างในเบื้องต้น แต่เป็นการลงทุนเพียงครั้งแรกเท่านั้น สิ่งที่สำคัญเลี้ยงได้ทุกพื้นที่แม้จะมีพื้นที่ไม่มาก การดูแลและการควบคุมก็สะดวก ในเรื่องของการตลาดแทบไม่ต้องเป็นห่วงเลย มีแน่นอน แค่ท่านกล้าตัดสินใจเท่านั้นเอง
การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามแบบคอนโด

                                                  

โรงเรือนเลืี้ยงกุ้มก้ามกราม
โรงเรือนปิดขนาด 90 ตารางเมตร ประกอบด้วย พลาสติกทนรังสี UV คลุมที่โรงเรือน เพื่อเพิ่มอุณหภูมิน้ำภายในโรงเรือน
         1. บ่อซีเมนต์ขนาด 55 ตารางเมตร 1 บ่อ (กว้าง 5.5 เมตร ยาว 10 เมตร สูง 0.8 เมตร) แบ่งเป็น พื้นที่บ่อสำหรับบำบัดน้ำ 13.8 ตารางเมตร และบ่อรับน้ำขนาด 41.2 ตารางเมตร
         2. ภาชนะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามแบบแยกเดี่ยวขนาด 22.5 ลิตร จำนวน 1,000 ใบ (กว้าง 0.26 เมตร ยาว 0.35 เมตร สูง 0.25 เมตร) วางเป็นแนวยาว 6 แถว ๆ ละ 6 ชิ้น

                                            

การวางภาชนะเป็นรูปคอนโดฯ

1. ปั๊มลมขนาด 1 แรงม้า จำนวน 1 ตัว
2. ปั๊มน้ำขนาดท่อ 2 นิ้ว จำนวน 1 ตัว
        ในส่วนของขนาดบ่อ  หรืออุปกรณ์การเลี้ยงสามารถปรับเปลี่ยนขนาดและจำนวนได้ตามความเหมาะสม ภาชนะที่ใช้เลี้ยง อาจใช้วัสดุที่เหลือใช้ เช่น กล่องพลาสติก, ตู้กระจก เพื่อประหยัดต้นทุน แต่ต้องไม่เล็กจนเกินไป


ระบบน้ำ

        ระบบน้ำที่ใช้ในโรงเรือนเลี้ยงกุ้งก้ามกราม เป็นระบบน้ำหมุนเวียนตลอดเวลา โดยน้ำจะไหลผ่านภาชนะที่ใช้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามจากชั้นบนลงสู่ชั้นล่าง ตกลงสู่บ่อรับน้ำไหลผ่านบ่อบำบัดน้ำ แล้วจึงใช้ปั๊มน้ำขนาด 2 นิ้ว สูบขึ้นไปผ่าน ภาชนะที่ใช้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามใหม่หมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง





       ระบบการให้อากาศ


       ระบบการให้อากาศใช้ปั๊มลมหมุนด้วยมอเตอร์ขนาด 1 แรงม้า แล้วต่อสายอากาศแยกลงแต่ละภาชนะที่ใช้เลี้ยงกุ้งก้ามกราม เพื่อทำให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำภายในภาชนะดีขึ้น และเป็นระบบสำรองออกซิเจน ในกรณีที่ปั๊มน้ำไม่ทำงาน


การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในขวดพลาสติค




      สถานี ประมงน้ำจืดจังหวัดชัยนาท เป็นหน่วยงานแรกที่เริ่มทดลองเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในขวดพลาสติค เริ่มต้นในช่วงที่ 

      คุณสนธิพันธ์ ผาสุขดี ยังดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าสถานี โดยมีจุดเริ่มต้นของแนวคิดจากการสังเกตพฤติกรรมของกุ้งก้ามกรามที่อาศัยอยู่ ในแหล่งน้ำธรรมชาติว่ามักจะอาศัยอยู่ตามซอกหินหรือโขดหินซึ่งจะใช้พื้นที่ อาศัยไม่มากนัก และกุ้งแต่ละตัวจะมีอาณาเขตของตัวเอง นอกจากนั้น ยังได้ทำการศึกษาจากตำราและรายงานวิจัยต่างๆ พบว่า กุ้งก้ามกรามไม่ต้องการพื้นที่ในการดำรงชีวิตมากนัก ทำให้คิดว่าน่าจะนำเอากุ้งก้ามกรามมาทดลองเลี้ยงในขวดพลาสติคได้ เพียงแต่ยึดหลักการในการเลี้ยงว่า "น้ำที่ใช้เลี้ยงจะต้องสะอาดและใช้อาหารที่มีคุณภาพเลี้ยง" จากสมมติฐานดังกล่าว ทางสถานีประมงน้ำจืดจังหวัดชัยนาทจึงได้เริ่มต้นทำการศึกษาความเป็นไปได้ใน การเลี้ยง โดยได้ทดลองเลี้ยงในขวดพลาสติคขนาดต่างๆ โดยนำเอากุ้งก้ามกราม ขนาด 20-30 ตัว ต่อกิโลกรัม มาทดลองเลี้ยงในขวดพลาสติค ขวดละ 1 ตัว ปรากฏผลว่าในขวดพลาสติคขนาดบรรจุน้ำ 5 ลิตร ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ


เลี้ยงกุ้งก้ามกรามแบบระบบปิด

        หลักการแรกที่สำคัญคือจะต้องเลี้ยงในระบบปิด น้ำที่ใช้เลี้ยงจะต้องหมุนเวียนนำกลับมาใช้ได้ใหม่ ดังนั้น ระบบการกรองและการหมุนเวียนน้ำจะต้องดีและมีประสิทธิภาพมาก สำหรับขั้นตอนในการเลี้ยง นำขวดพลาสติค ขนาด 5 ลิตร (ใช้ขวดบรรจุน้ำโพลารีสที่ใช้แล้ว) ตัดขวดด้านข้างให้เป็นช่องเพื่อให้น้ำสามารถไหลลงมาในขวดได้ นำขวดพลาสติคไปทำความสะอาดแล้วนำไปวางในแนวนอน โดยเอาด้านที่ตัดไว้ด้านบนวางเรียงเป็นแถวเพื่อความสะดวกในการจัดการ นำกุ้งก้ามกราม ขนาด 20-30 ตัว ต่อกิโลกรัม ปล่อยเลี้ยงขวดละ 1 ตัว ในการคัดกุ้งมาเลี้ยงนั้นจะต้องคัดกุ้งที่มีความสมบูรณ์ ขาและก้ามจะต้องอยู่ครบ ไม่มีแผลตามลำตัว เลี้ยงด้วยอาหารกุ้งกุลาดำ ให้วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น อัตราประมาณ 5% ของน้ำหนักตัวกุ้ง

ระบบการหมุนเวียนน้ำ

        คือหัวใจที่สำคัญของการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม น้ำที่จะใช้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามจะใช้น้ำประปาก็ได้ แต่จะต้องผ่านกระบวนการกำจัดคลอรีนออกแล้ว น้ำมีค่าความเป็นกรด-ด่าง ประมาณ 7-8 (ค่า pH=7-8) ส่วนระบบการหมุนเวียนของน้ำนั้นจะใช้วิธีการสูบน้ำไปในท่อ พีวีซี แล้วเจาะรูให้น้ำหยดลงมาตรงช่องที่วางขวดไว้พอดี เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนของน้ำในขวดพลาสติค อัตราการปล่อยน้ำในเวลา 1 นาที ควรจะให้น้ำไหลเข้าขวดได้ประมาณ 600-800 ซีซี น้ำที่ล้นออกมาจากขวดจะไหลตกลงสู่บ่อพักด้านล่าง ซึ่งทำเป็นบ่อคอนกรีตที่มีกรวดและหินช่วยกรองเศษอาหารไว้ น้ำที่ผ่านกระบวนการนี้จะใสสะอาดพร้อมที่จะสูบขึ้นมาใช้ใหม่

ปัญหาเรื่องไฟฟ้าดับ จะต้องมีกระแสไฟฟ้าสำรอง


       ปัญหา ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเกษตรกรที่คิดจะเลี้ยงกุ้งในขวดพลาสติคหรือการเลี้ยง แบบคอนโดฯ นั้น จะต้องระมัดระวังเรื่องไฟฟ้าดับ ถ้าไฟฟ้าดับเกิน 1 ชั่วโมง และเครื่องสูบน้ำไม่สามารถสูบน้ำขึ้นไปหมุนเวียนได้ กุ้งจะตายเพราะขาดออกซิเจน ดังนั้น ควรจะมีเครื่องปั่นกระแสไฟฟ้าไว้สำรองหรืออาจจะเตรียมถังน้ำสำรองไว้ด้านบน แล้วปล่อยน้ำลงมาก็ได้ สิ่งที่ผู้เลี้ยงอีกประการหนึ่งที่ไม่ควรละเลยก็คือ อุณหภูมิของน้ำที่ใช้เลี้ยงควรจะมีอุณหภูมิประมาณ 28 องศาเซลเซียส ถ้าอุณหภูมิต่ำลงไปกว่านี้พบว่า กุ้งจะกินอาหารน้อยลง มีผลต่อการเจริญเติบโตของกุ้งและถ้าอุณหภูมิของน้ำสูงกว่า 30 องศาเซลเซียส อาจจะทำให้กุ้งถึงตายได้

ผลจากการเลี้ยงกุ้งในขวดพลาสติค 1 เดือน

        มีอัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นเท่าตัว สิ่งที่สนับสนุนถึงความเป็นไปได้ในการเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในขวดพลาสติคก็คือ พบว่า กุ้งมีอัตราการเจริญเติบโตที่เร็วมาก หลังจากที่ได้ทดลองเลี้ยงไปนาน 1 เดือน กุ้งมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัว กล่าวคือ ถ้านำกุ้งที่มีน้ำหนัก 15 กรัม มาเลี้ยง 1 เดือน จะได้กุ้งที่มีน้ำหนัก 30 กรัม นับเป็นอัตราการเจริญเติบโตที่น่าพอใจ จากการศึกษายังพบว่า กุ้งที่เลี้ยงในขวดพลาสติคนั้นจะมีการลอกคราบเร็วกว่าที่เลี้ยงในบ่อดิน จากการศึกษาและทดลองที่ผ่านมาทำให้ได้ข้อสรุปในเบื้องต้นว่า เมื่อนำกุ้งก้ามกราม ขนาด 20-30 ตัว มาเลี้ยงในขวดพลาสติคและใช้เวลาเลี้ยงนานประมาณ 5 เดือน จะได้กุ้งที่มีน้ำหนัก 3-4 ตัว ต่อกิโลกรัม ซึ่งจะจับขายได้ถึงกิโลกรัมละ 600-700 บาท


        อย่างไรก็ตาม หลังจากการทดลองเลี้ยงในขวดพลาสติค เริ่มพบปัญหากุ้งตาย เมื่อกุ้งมีขนาดใหญ่ขึ้นเนื่องจากไม่สามารถลอกคราบได้ สาเหตุหลักน่าจะมาจากขวดพลาสติคที่ใช้เลี้ยงแคบเกินไป จึงได้มีการปรับเปลี่ยนภาชนะที่ใช้เลี้ยงและระบบการเลี้ยงใหม่

การเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในตะกร้าพลาสติค

         จาก ที่ได้กล่าวมาแล้วในข้างต้นว่า พบปัญหาในช่วงที่ทดลองเลี้ยงในขวดพลาสติคคือ เมื่อเลี้ยงกุ้งจนได้น้ำหนักเฉลี่ย 70-100 กรัม กุ้งจะลอกคราบไม่ออกและตายในที่สุด สาเหตุน่าจะมาจากพื้นที่ขวดคับแคบเกินไปนั่นเอง จึงได้มีการเปลี่ยนภาชนะเลี้ยงใหม่ที่มีความเหมาะสมมากกว่า เช่น เลี้ยงในตู้กระจกที่บรรจุน้ำได้เฉลี่ย 16-17 ลิตร และใส่ไว้ในตะกร้าพลาสติคอีกชั้นหนึ่ง ระบบการเลี้ยงเหมือนกับที่เลี้ยงในขวดพลาสติคทุกประการ จากการทดลองพบว่า กุ้งมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 30-60 กรัม คาดว่าตั้งแต่เริ่มเลี้ยงจะใช้เวลาเลี้ยงนานประมาณ 5-6 เดือน จะจับขายได้และเมื่อคำนวณค่าอาหารที่ใช้เลี้ยงเป็นเงิน 45 บาท ต่อน้ำหนักกุ้ง 1 กิโลกรัม แต่วิธีการเลี้ยงแบบนี้เหมาะสำหรับเกษตรกรที่มีพื้นที่เลี้ยงน้อย เลี้ยงเป็นอาชีพเสริมได้เป็นอย่างดี แต่จะต้องประยุกต์ใช้ภาชนะที่มีต้นทุนต่ำกว่าตู้กระจก


เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในตะกร้าพลาสติคเชิงพาณิชย์


          ควรจะเลี้ยงในแม่น้ำและสร้างกระชังเลี้ยงเหตุผล ที่แนะนำสำหรับเกษตรกรที่คิดจะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในตะกร้าพลาสิคเชิงพาณิชย์ ควรจะเลี้ยงในแม่น้ำและสร้างกระชัง เนื่องจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าไฟฟ้าและการจัดการเรื่องระบบหมุน เวียนของน้ำ ในการสร้างกระชังจะสร้างอย่างง่ายๆ คือ สร้างเป็นแพลอยน้ำเฉยๆ ไม่ต้องมีตาข่ายไนล่อนเหมือนกระชังปลา แต่จะต้องสร้างคานสำหรับแขวนตะกร้าพลาสติคและมีทางเดินสำหรับให้อาหาร กระชังไม่ต้องสร้างให้รับน้ำหนักได้มาก เพราะตะกร้าจะลอยอยู่ในน้ำแทบจะไม่ได้รับน้ำหนักเลย ขนาดของกระชังที่แนะนำคือ ขนาดพื้นที่ประมาณ 25 ตารางเมตร สามารถวางตะกร้าเลี้ยงได้ 120 ตะกร้า ตะกร้าพลาสติคที่ใช้เลี้ยงจะต้องมีฝาปิดเพื่อป้องกันกุ้งหลบหนี ด้านบนและด้านข้างโปร่ง ส่วนด้านล่างตะกร้าตัน ขนาดตะกร้ามีความกว้าง 30 เซนติเมตร ยาว 45 เซนติเมตร และสูง 30 เซนติเมตร ตะกร้าพลาสติคซื้อเพียงครั้งเดียวใช้ได้นานหลายรุ่น


           วิธีการแขวน ตะกร้าให้แขวนอยู่ใต้ระดับน้ำเล็กน้อยและแขวนเป็นแถวห่างกันพอประมาณ เพื่อความสะดวกในการให้อาหารและทำความสะอาดตะกร้า ในการแขวนมีเคล็ดลับอยู่ว่าจะต้องแขวนตะกร้าให้สามารถเคลื่อนไหวได้ อย่ามัดตะกร้าติดกับคานจนแน่น เนื่องจากเมื่อตะกร้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ตะกอนในน้ำจะตกค้างที่ก้นตะกร้ามาก และจะทำให้การถ่ายเทน้ำไม่ดี ผลตามมาจะทำให้กุ้งตายได้




อัตราการปล่อยกุ้งและการให้อาหาร


           แนะนำให้ปล่อยกุ้งก้ามกราม ขนาด 10-15 ตัว ต่อกิโลกรัม ให้อาหารกุ้งกุลาดำชนิดโปรตีนประมาณ 35% ให้ 2 เวลา คือ เช้า-เย็น แบ่งให้มื้อเย็นมากหน่อย เพราะนิสัยกุ้งจะกินอาหารมากในเวลากลางคืน โดยปกติจะให้อาหารในอัตรา 5% ของน้ำหนักตัวกุ้ง และจะต้องเขย่าตะกร้าสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง เพื่อให้ตะกอนที่ตกอยู่บริเวณก้นตะกร้าหลุดออกไป ช่วยให้ระบบการถ่ายเทน้ำให้ดีขึ้น รวมถึงอัตราการเจริญเติบโตของกุ้งดีขึ้นตามไปด้วย ได้มีการคำนวณถึงต้นทุนค่าอาหารในการเลี้ยงกุ้งแต่ละตัวจะไม่เกิน 20 บาท อย่างไรก็ตาม กุ้งก้ามกรามที่ซื้อมาเลี้ยงในตะกร้าและเลี้ยงในแม่น้ำนั้นจะต้องเป็นกุ้ง ที่คัดเป็นพิเศษ ไม่มีบาดแผล ก้ามไม่หัก ครีบไม่กร่อนและมีระยางค์ครบ โดยปกติกุ้งก้ามกรามขนาด 10-15 ตัว ต่อกิโลกรัม จะซื้อมาเลี้ยงในราคาประมาณกิโลกรัมละ 170-180 บาท



เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในบ่อดินควบคู่การเลี้ยงปลา
        
         เป็นที่สังเกตว่ากุ้งก้ามกรามที่เลี้ยงในตะกร้าพลาสติคและเลี้ยงในกระชังนั้น จะมีอัตราการลอกคราบเร็วกว่าที่เลี้ยงในขวดพลาสติคด้วยซ้ำไป ซึ่งพฤติกรรมในการลอกคราบจะสอดคล้องกับการเจริญเติบโต จากการทดลองเลี้ยงกุ้งก้ามกรามในตะกร้าพลาสติคและเลี้ยงในกระชังนั้นพบว่า น้ำหนักตัวกุ้งเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50-60 กรัม ต่อตัว ต่อเดือน นับว่าเร็วมาก ดังนั้น เมื่อเลี้ยงไปนานประมาณ 5-6 เดือน จะได้กุ้งก้ามกรามที่มีน้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 300 กรัม (3 ขีด) ซึ่งจะได้กุ้งก้ามกรามที่ขนาดน้ำหนักได้ 3 ตัว ต่อ 1 กิโลกรัม จับขายได้กิโลกรัมละ 600-700 บาท
         สำหรับเกษตรกรที่มีบ่อเลี้ยงปลา อยู่แล้วและมีความต้องการที่จะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามควบคู่ไปด้วยสามารถทำได้ แต่น้ำในบ่อจะต้องมีความสะอาดจริง และไม่แนะนำให้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามร่วมกับปลาดุกหรือปลาสวายอย่างเด็ดขาด เนื่องจากคุณภาพของน้ำไม่ดี จะทำให้กุ้งตายได้

          กุ้งก้ามกราม จัดเป็นกุ้งแม่น้ำที่มีรสชาติอร่อยมาก สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด ถ้าเป็นกุ้งตัวใหญ่น้ำหนักตัวไม่น้อยกว่า 300 กรัม นำไปทำกุ้งเผาขายในราคากิโลกรัมละ 1,000 บาท หรือนำไปทำอาหารยอดฮิตของคนไทยและชาวต่างชาติคือ ต้มยำกุ้งแม่น้ำ นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศ ไทยจะนิยมสั่งต้มยำกุ้งเป็นอันดับแรก นอกจากความอร่อยแล้วยังมีผลวิจัยว่าต้มยำจัดเป็นอาหารที่ช่วยป้องกันการเกิด โรคมะเร็งและโรคโลหิตจางได้




อ้างอิงข้อมูลและรูปภาพ

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1

http://www.sueissaraloei.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539321571

http://www.coastalaqua.com/webboard/index.php?topic=2428.0


















1 ความคิดเห็น:

  1. The History of the Casino - One of the Most Popular Casinos
    A relative kadangpintar newcomer to the world of online gambling, Wynn casinosites.one Las 바카라 사이트 Vegas https://septcasino.com/review/merit-casino/ opened its doors to a new audience of over 600,000 in หาเงินออนไลน์ 2017. This was the first casino

    ตอบลบ